‘ยกระดับคุณภาพชีวิต’ ด้วยเทคโนโลยีการตกแต่งอาคาร

แรกเริ่มเดิมทีเทคโนโลยีการตกแต่งอาคาร ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อความสวยงามทางสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะกับรูปแบบที่มีความซับซ้อน ซึ่งต้องใช้เทคนิคพิเศษที่มากกว่าการก่อสร้างทั่วไป จนมาถึงการพัฒนาระบบเพื่อใช้งานร่วมกับนวัตกรรมของวัสดุใหม่ๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการสร้างแบบจำลองสามมิติ การจำแนกรูปแบบของวัสดุและการติดตั้งที่มีระยะเวลาชัดเจน ไปจนถึงระบบของการดูแลรักษาที่ลดค่าใช้จ่ายโดยรวมได้ ซึ่งเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจะมีส่วนช่วยให้การก่อสร้างโครงการที่มีความแปลกใหม่เป็นจริงขึ้นมาได้ เป็นการยกระดับงานออกแบบทางสถาปัตยกรรม ที่ปรับเปลี่ยนไปตามความสร้างสรรค์ของแต่ละยุคสมัย แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องถูก ‘ยกระดับ’ ควบคู่กันไปด้วย ก็คือคุณภาพของการใช้ชีวิต

ซึ่งเป็นพันธกิจของ FAMELINE เกิดมาเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ตกแต่งอาคาร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และทำให้โลกน่าอยู่ยิ่งขึ้น

การเลือกวัสดุที่เหมาะสม:

ซึ่งแนวทางของการใช้งานเทคโนโลยีในการตกแต่งอาคาร ก็ต้องเริ่มต้นจากการคัดเลือกวัสดุที่เหมาะสม ที่มีกระบวนการผลิตที่ได้คุณภาพ มีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่เข้ามาช่วยในขั้นตอนการผลิต ซึ่งต้องได้รับมาตรฐานในระดับสากล และมีการตรวจสอบคุณภาพของวัสดุทุกครั้งก่อนนำไปใช้งานจริง ซึ่งการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้สามารถผลิตวัสดุด้วยรูปแบบที่มีความแตกต่าง หรือมีการเพิ่มเติมคุณสมบัติพิเศษบางอย่าง เพื่อให้ได้วัสดุนวัตกรรมที่ตอบโจทย์งานออกแบบได้ครอบคลุมมากกว่า ซึ่งการนำวัสดุนวัตกรรมมาผสมผสานกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถเชื่อมโยงและส่งต่อข้อมูลถึงกันได้ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต (Internet of Things) เพื่อการสั่งงานอุปกรณ์ต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ เช่น ระบบส่องสว่าง ระบบระบายอากาศ ระบบความปลอดภัย ระบบตรวจสอบคุณภาพของอากาศ ระบบตรวจสอบการเข้าใช้งานในอาคาร

ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมอัจฉริยะ ที่นอกจากจะเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานให้มากขึ้นแล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานภายในอาคารได้มากถึง 20% ซึ่งคุ้มค่าต่อการลงทุนในระยะยาว

นวัตกรรมของระบบแผงบังแดดอัจฉริยะ:

จากกระบวนการผลิตวัสดุอลูมิเนียมที่ได้มาตรฐานของ FAMELINE ทำให้มีการพัฒนานวัตกรรมของระบบแผงบังแดดอัจฉริยะ ‘Smart Moveable Sun Shading’ ซึ่งเป็นแผงกันแดดอลูมิเนียม ปรับองศาอัตโนมัติ ในรุ่น AF-Movable ที่สามารถปรับองศาของแผ่นได้ตามความต้องการ และระบบโครงบานพับอัตโนมัติ ในรุ่น Transformable Facade สำหรับผนังหรือแผงบังแดด ที่สามารถปรับองศาของผนังหรือแผงบังแดดได้แบบพร้อมกันทั้งชุด หรือทำงานแยกเป็นอิสระได้ เพื่อควบคุมปริมาณแสงแดดและแสงสว่างจากภายนอกสู่ภายในอาคาร ด้วยระบบควบคุมการทำงานด้วย ‘Smart Wifi Switch’ ที่สามารถสั่งงานผ่านแอพพลิเคชั่นในมือถือได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและประหยัดพลังงาน

การดัดแปลงเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย:

ระบบโครงบานพับอัตโนมัติของ FAMELINE มีสองรูปแบบหลัก คือ ‘Bi-Folding’ ซึ่งเป็นระบบโครงบานพับอัตโนมัติ (แนวตั้ง) เปลี่ยนองศาของผนังและแผงบังแดด ด้วยการพับขึ้น-ลง ที่สามารถออกแบบช่องหน้าต่างให้มีขนาดสูงสุด 3 เมตร กว้าง 1.5 เมตร และ ‘Folding Shutter’ ซึ่งเป็นระบบโครงบานพับอัตโนมัติ (แนวนอน) เปลี่ยนองศาของผนังและแผงบังแดด ด้วยการพับแบบบานเฟี้ยม ที่สามารถออกแบบช่องหน้าต่างให้มีขนาดสูงสุด 3 เมตร กว้าง 4 เมตร ทั้งสองรูปแบบนี้เหมาะกับการใช้งานเป็นฟาซาดอาคาร โดยสามารถเลือกลวดลาย สีสัน และพื้นผิวได้ตามต้องการ เช่น บานเกล็ดอลูมิเนียม ระแนงอลูมิเนียมลายไม้ หรือแผ่นอลูมิเนียมคอมโพสิต ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานทั้งภายในและภายนอกอาคาร เช่น ชานระเบียงบ้าน ฟาซาดของคอนโดมิเนียมหรือโรงแรม พื้นที่โถงเข้าอาคาร หรือกันสาดทางเดินระหว่างอาคาร

การเลือกสรรวัสดุคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปีของ บริษัท เฟมไลน์ โปรดักส์ จำกัด ที่ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและทันสมัยด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ทำให้สามารถผลิตวัสดุอลูมิเนียมมาตรฐานระดับสากลได้หลากหลายรูปแบบ รองรับงานออกแบบในลักษณะพิเศษได้เพื่อตอบสนองความต้องการ และจินตนาการของนักออกแบบได้อย่างไร้ขอบเขต ส่งเสริมแนวคิดของการตกแต่งอาคารด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย ที่ยกระดับการใช้ชีวิตของผู้ใช้งานอาคารได้อย่างยั่งยืน

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง