‘FAMELINE PV Glass’ พลังงานสะอาดเพื่อสถาปัตยกรรมที่ยั่งยืน
การผลิตไฟฟ้าโดยทั่วไปต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานที่เป็นเชื้อเพลิงฟอสซิล อย่างถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก ทั้งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ส่งผลให้เกิดปัญหาโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ การสกัดและแปรรูปเชื้อเพลิงเหล่านี้ยังก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและทางน้ำ รวมทั้งทำลายความสมดุลของระบบนิเวศมากมายตัวอย่างเช่น โรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินปล่อยซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และไนโตรเจนออกไซด์ออกมา จนเกิดเป็นฝนกรดและเกิดปัญหากับระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ได้ ทำให้แนวโน้มของการใช้แหล่งพลังงานสะอาด (หรือพลังงานหมุนเวียน) อย่างพลังงานแสงอาทิตย์ ลม หรือพลังน้ำ ที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้น้อยกว่า ทำให้เป็นทางเลือกที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับโลกในอนาคต ช่วยลดต้นทุนของการใช้พลังงานในระยะยาวได้ดีกว่า เพิ่มความมั่นคงด้านการใช้พลังงาน ปกป้องและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการสร้างอุตสาหกรรมสีเขียว
ซึ่งการใช้งานพลังงานสะอาดกับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง อย่างแผ่นเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) กำลังมีบทบาทสำคัญในการช่วยประหยัดพลังงานให้กับบ้าน อาคาร โรงงาน หรือใช้กับงานเกษตรกรรม ด้วยรูปแบบของแผ่นเซลล์แสงอาทิตย์ ที่ต้องติดตั้งบริเวณหลังคาหรือทุ่งโล่ง ที่มักมีสีเข้มทึบ มีลวดลายเส้นตรงที่ชัดเจน ที่มีการสะท้อนแสงกับผิวของแผ่นได้ง่าย และยังเพิ่มอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อมโดยรอบให้สูงขึ้น ในระหว่างกระบวนการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานความร้อน ทำให้ต้องมีการออกแบบระบายอากาศหรือฉนวนกันความร้อนที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ซึ่งสัมพันธ์กับการบำรุงรักษาที่สม่ำเสมอด้วยเช่นกัน ทำให้เกิดเป็นข้อจำกัดในการนำมาตกแต่งเพื่อความสวยงามของอาคาร จึงต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีของกระจกโซลาร์เซลล์ ที่ผลิตไฟฟ้าได้บนผิวของกระจกแบบดั้งเดิม เพื่อเป็นทางเลือกในการออกแบบที่สามารถใช้พื้นที่บริเวณกรอบอาคาร และช่องแสงบนหลังคาได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น ซึ่งวัสดุชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า PV Glass (Photovoltaic Glass) ที่มีเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ฝังอยู่ภายในตัวแผ่นกระจก เพื่อทำหน้าที่แปลงแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า
โดยมีลักษณะการใช้งาน 2 รูปแบบ คือ Cadmium Telluride PV Glass (CdTe) ที่เป็นการผลิตไฟฟ้าจากการใช้เซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ชนิด Cadmium Tellurid มาฉาบเป็นฟิล์มชั้นบางๆ บนผิวกระจกลามิเนต 2 ชั้น มีความโปร่งแสงที่ 0%-40% ผลิตไฟฟ้าได้สูงสุด 145 วัตต์ต่อตารางเมตร เหมาะสมกับการใช้งานเป็นผนังกระจกของอาคาร ด้วยรูปแบบที่มีความเรียบหรูทันสมัย ช่วยลดความร้อนจากภายนอกที่เข้าสู่ตัวอาคาร ทำให้สามารถใช้พลังงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยที่ยังเปิดรับแสงสว่างจากธรรมชาติ และบรรยากาศโดยรอบอาคารได้อย่างเต็มที่
ส่วนรูปแบบ Mono Crystalline PV Glass เป็นการใช้เซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ชนิด Mono Crystalline มาประกบเป็นแผงกระจกเทมเปอร์ 2 ชั้น ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงสุด 148 วัตต์ต่อตารางเมตร มีความโปร่งแสงที่ 20%-40% เหมาะสมกับการใช้งานในพื้นที่ส่วน Skylight กันสาด หรือหลังคาจอดรถ ที่นอกจากจะช่วยบดบังแสงแดดได้ดีแล้ว ยังช่วยผลิตพลังงานไฟฟ้าให้กับอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า หรือบ้านพักอาศัยได้อีกด้วย โดยที่ ‘FAMELINE PV GLASS’ ได้รับการรับรองมาตรฐานสำหรับใช้งานกับอาคารทุกประเภท ซึ่งสามารถเทียบเท่าคุณสมบัติของงานออกแบบกระจกทั่วไป ที่สามาถปรับเปลี่ยนรูปร่าง สีสัน ขนาด ความหนา และความโปร่งแสงได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นฉนวนห่อหุ้มตัวอาคาร ช่วยอนุรักษ์พลังงานสะอาด ส่งเสริมแนวคิดของอาคารเขียว ซึ่งเป็นมูลค่าที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับอาคารยุคใหม่ เป็นการลดต้นทุนด้านการใช้พลังงานในระยะยาว และสอดคล้องไปกับแนวคิดของการสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ซึ่งการใช้งานวัสดุ PV GLASS ที่เหมาะสม ต้องใช้การคำนวนลักษณะของการใช้พลังงานไฟฟ้าของอาคาร เช่น ประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้า จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้า และจำนวนชั่วโมงที่ใช้งานในแต่ละช่วงเวลา เพื่อความชัดเจนของพื้นที่ในการใช้งานให้คุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งแนวทางของการใช้พลังงานสะอาดในอาคาร มีความจำเป็นต่อการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากอุตสาหกรรมการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ (ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยคาร์บอนมากที่สุดในโลก) ซึ่งอาคารที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เอง สามารถลดการพึ่งพาโครงข่ายไฟฟ้าและลดต้นทุนด้านพลังงาน ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญจากความผันผวนของราคาพลังงาน ที่สัมพันธ์กับความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น ตามการเติบโตของประชากรและการขยายตัวของเมือง และมีความพร้อมสำหรับกรณีที่ไฟฟ้าดับหรือเกิดวิกฤตด้านพลังงาน ส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานของอาคารมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยเพิ่มมูลค่าของอาคาร เป็นการดึงดูดผู้เช่าหรือผู้ซื้อที่ใส่ใจประเด็นทางสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย
นอกจากนี้ พลังงานสะอาดยังส่งผลดีต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้ใช้งาน จากมลพิษทางอากาศที่ลดน้อยลง ซึ่งจากคุณสมบัติของ PV GLASS ที่ยังสามารถใช้ประโยชน์จากระบบการส่องสว่างของแสงธรรมชาติ และยังมีความสวยงามเหมือนกับกระจกตกแต่งทั่วไป ยังช่วยลดต้นทุนของการใช้พลังงานส่องสว่างในช่วงกลางวัน และเมื่อเราสามารถแปลงแสงแดดเป็นไฟฟ้าได้โดยไม่มีการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก็จะช่วยลดเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และชะลอการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกได้ และเมื่ออาคารต่างๆ ในเมือง เริ่มใช้พลังงานสะอาดกันมากขึ้น ก็จะพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น คาร์บอนที่มาจากเมืองก็จะลดน้อยลง ส่งเสริมประสิทธิภาพของการใช้พลังงานตามความจำเป็น เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการสร้างสรรค์อาคารสีเขียวและการวางผังเมืองอัจฉริยะ เพื่อพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนสำคัญที่พร้อมรับมือกับความท้าทาย ในการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศได้อย่างแน่นอน
สามารถดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่นี่: E-Brochure PV Glass
สามารถติดตามช่องทางอื่นๆ ได้ที่นี่:
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง