ทำความรู้จัก ‘Wood Tiles & Planks’ ฝ้าไม้ กันชื้น HMR มาตรฐานจากยุโรป

บรรยากาศภายในอาคาร ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งการทำงาน ประชุม พูดคุย หรือการพักผ่อน เพราะบรรยากาศที่ดีจะมีส่วนช่วยในการสร้างแรงบันดาลใจ เพิ่มพลังงาน เสริมความคิดสร้างสรรค์ และความผ่อนคลาย โดยเฉพาะการตกแต่งในบรรยากาศแบบธรรมชาติ

ซึ่งวัสดุ ‘ลวดลายไม้’ จึงมักเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักออกแบบ ในการตกแต่งพื้นที่ภายในที่ต้องการให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ แต่การเลือกใช้งานวัสดุไม้จริง มักมีปัญหาเรื่องปลวก สีซีดจาง รอยแตกจากการติดตั้ง การยืดหดตัว หรือปัญหาไม้มีอาการบวม บิด โก่งงอ เนื่องจากใช้งานใกล้กับความชื้น

เมื่อผลกระทบจากการใช้งานวัสดุไม้จริงนั้นมีมากมาย ทำให้ทางเลือกของวัสดุทดแทนลายไม้ กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น ซึ่งจะแตกต่างกันตามพื้นที่ใช้งาน แต่สำหรับการเลือกใช้วัสดุ ฝ้าไม้ กันชื้น HMR กรุผิวคุณภาพสูง รูปแบบแผ่นสี่เหลี่ยม จากแบรนด์ FAMELINE ที่เหมาะสมกับการออกแบบพื้นที่ใช้งานภายในอาคาร สามารถป้องกันความชื้นและความร้อน ติดตั้งง่าย ถอดออกเพื่อบำรุงรักษาได้สะดวก และที่สำคัญคือ มีความเป็นธรรมชาติด้วยลวดลายที่สวยเสมือนไม้จริง

วัสดุ HMR คืออะไร?

HMR ย่อมาจาก High Moisture Resistance board หรือแผ่นใยไม้อัดทนความชื้น (หรือเรียกว่าเป็นไม้ MDF ชนิดทนชื้นก็ได้) ผลิตโดยการนำชิ้นไม้ยูคาลิปตัสมาบดจนเป็นเส้นใยละเอียด แล้วประสานด้วยกาวชนิดพิเศษ ช่วยเพิ่มแรงต้านในการขยายตัวและการบิดโก่งของไม้ เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง

ไม้ HMR เป็นไม้ที่มีผิวเรียบเนียนสวยงาม เหมาะสมกับงานตกแต่งภายใน เช่น งานฝ้าเพดาน หรือ การทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน เพราะมีความทนทานและยืดหยุ่นกว่าไม้ MDF และผ่านการทดสอบตามมาตรฐานการกันความชื้น จึงสามารถนำไปงานกับห้องน้ำ ห้องครัว หรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อความชื้นได้

ซึ่ง แผ่นฝ้า HMR จากแบรนด์ FAMELINE เป็นแผ่นฝ้าที่ติดตั้งในลักษณะ Tile & Plank หรือการนำฝ้าที่เป็นลักษณะแผ่นสี่เหลี่ยม มาล็อคเข้ากับตัวโครงฝ้า ซึ่งตัวแผ่นจะมีความหนาที่ 18 มิลลิเมตร ด้านหน้าลายไม้ปิดด้วยผิวลามิเนตคุณภาพสูง ส่วนด้านหลังปิดผิวแบล็คกิ้งด้วยลามิเนตสีขาว สามารถทนทานต่อความชื้นและความร้อน ผิวหน้าไม่แตกร้าว ทนต่อรอยขีดข่วน หรือการขัดผิวเพื่อทำความสะอาด

ปลอดภัยต่อสุขภาพระดับมาตรฐานยุโรป

จากส่วนประกอบของกาว ที่ใช้เป็นตัวประสานในกระบวนการผลิตไม้ HMR ซึ่งจะมีสารฟอร์มาลดีไฮด์ผสมอยู่ในนั้น ทำให้สารเหล่านี้ สามารถระเหยออกมาได้เมื่อนำแผ่นไม้ไปใช้งาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ แสบจมูก แสบตา ระคายเคืองต่อผิวหนังของผู้ใช้งานในอาคาร หรือหากได้รับสารฟอร์มาลดีไฮด์ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน อาจก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้หรือมะเร็งได้

จึงมีการเลือกใช้ Air Safety Glue Technology ในกระบวนการผลิต ที่ได้มาตรฐานการควบคุมการปล่อยสารฟอร์มัลดีไฮด์ระดับต่ำ ไม่เกิน 1.5 มิลลิกรัมต่อลิตร ตามมาตราฐานยุโรป (E1) ซึ่ง ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้ใช้งาน ทำให้การเลือกใช้งานฝ้าชนิดนี้มีความมั่นใจและปลอดภัยมากขึ้น

ซึ่งมาตรฐาน E1 หรือ European Standard Class 1 นั้น เป็นมาตรฐานสากลที่ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น นิยมใช้งานกับวัสดุไม้ในงานเฟอร์นิเจอร์ ผนัง หรือฝ้า ที่อยู่ในโรงพยาบาล บ้านพักคนชรา พื้นที่เด็กเล่น หรือการตกแต่งภายในบ้านพักอาศัยและอาคารทั่วไป ซึ่งในบางพื้นที่อาจไม่มีช่องเปิด ให้อากาศถ่ายเทได้เพียงพอ การเลือกใช้ไม้ HMR จะช่วยให้เกิดความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้ใช้งานได้มากขึ้น อีกทั้งยังสามารถเข้าใช้งานหลังจากติดตั้งเสร็จได้ในทันที

นักออกแบบเลือกใช้งานได้หลากหลาย

ฝ้าไม้ กันชื้น HMR จากแบรนด์ FAMELINE นั้น มี 3 ขนาดให้เลือกใช้งาน ทั้ง 60×60 เซนติเมตร 60×120 เซนติเมตร และ 60×180 เซนติเมตร เป็นการเพิ่มทางเลือกในการออกแบบได้มากขึ้น และสามารถตกแต่งตัวแผ่นด้วยการ ตัด เซาะร่อง หรือเจาะรู ด้วยเครื่องมือแบบงานไม้ทั่วไปได้

มีเฉดสีลายไม้ให้เลือกใช้งานได้หลากหลาย ทั้งโทนไม้สีอ่อนและโทนไม้สีเข้ม เพื่อให้ตอบโจทย์กับงานตกแต่งภายในกับงานอาคารได้ทุกประเภท เป็นการสร้างบรรยากาศของความผ่อนคลาย ด้วยลวดลายไม้ธรรมชาติที่สมจริง และยังมีการปิดขอบด้านข้าง ด้วยวัสดุ PVC ที่มีสีเทียบตามเฉดของสีฝ้าผืนหลัก เพื่อให้การติดตั้งงานฝ้ามีความเรียบร้อยสมบูรณ์ และดูสบายตามากยิ่งขึ้นด้วย

ติดตั้งด้วยระบบทีบาร์เฉพาะของ FAMELINE (มีลักษณะเป็นโครงเหล็กสีดำหรือพ่นเทียบ) ที่มีความแข็งแรงทนทาน ติดตั้งง่าย มีการจบงานบริเวณขอบมุมที่เรียบร้อย สามารถเปิดแผ่นฝ้าออกเพื่อซ่อมบำรุงได้ทุกแผ่น ซึ่งตัวแผ่นจะช่องว่างรอบตัว 5 มิลลิเมตร เพิ่มเส้นสายที่ดูน่าสนใจให้กับงานฝ้าเพดาน

เพราะการออกแบบพื้นที่ภายในอาคาร ต้องหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขอนามัยกันมากขึ้น วัสดุที่ใช้กับงานออกแบบภายใน ก็มีส่วนช่วยในการเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้งาน นักออกแบบ หรือเจ้าของโครงการ เช่นเดียวกันกับวัสดุ ‘ฝ้าเพดาน’ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่มีบทบาทสำคัญกับการออกแบบตกแต่งพื้นที่ภายใน เพราะเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดขนาดของพื้นที่ ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีตามแนวคิดของงานออกแบบ และยิ่งมีมาตรฐานในด้านความปลอดภัยต่อสุขภาพด้วยแล้ว ก็จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์ และสร้างความสมบูรณ์แบบให้กับงานฝ้าเพดานได้เป็นอย่างดี

ดูข้อมูลวัสดุ: http://online.anyflip.com/wbgdd/ufdo

สอบถามข้อมูลวัสดุ: http://m.me/famelinegroup

ติดตามข้อมูลวัสดุ: https://lin.ee/gXR26yi

บทความที่เกี่ยวข้อง

Article

ความแตกต่างระหว่างไส้กลาง Polyethylene (PE) และไส้กลาง Fire Retardant (FR) กับการเลือกใช้วัสดุ Aluminium Honeycomb Panel

แผ่นอลูมิเนียมคอมโพสิต หรือการนำแผ่นอลูมิเนียมมาประกบกันคล้ายแซนวิช โดยมีแกนกลางเป็นวัสดุ โพลิเอทิลีน (Polyethylene – PE) หรือสารหน่วงไฟ (Fire Retardant – FR) ซึ่งวัสดุแกนกลางแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติเฉพาะ ที่ตอบสนองความต้องการในการก่อสร้าง และการพิจารณาด้านความปลอดภัยที่แตกต่างกัน

Article

‘Prefabricated Construction’ ก่อสร้างเสร็จ และสำเร็จ(รูป)ได้มากกว่า

‘Prefabricated Construction’ หรือการก่อสร้างสำเร็จรูป เป็นวิธีการก่อสร้างที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น จากกระบวนการที่ใช้ส่วนประกอบที่ผลิตในโรงงาน จากนั้นจึงขนส่งวัสดุมาประกอบที่หน้าไซต์งาน

Article

ออกแบบ ‘Double Space’ อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยวัสดุ ‘Mega+ Ceiling’

การเพิ่มพื้นที่เป็นเท่าตัวในระยะแนวตั้ง หรือที่เรียกว่า ‘Double Space’ (หรือ Double Volume) ซึ่งการออกแบบในลักษณะนี้ ก็ต้องมีการเลือกใช้งานวัสดุที่เหมาะสม

Article

‘Smart Architecture’ การอยู่อาศัยที่ยั่งยืน จากสถาปัตยกรรมสุดสมาร์ท

เมื่อเรามองถึงอนาคตของสถาปัตยกรรม แน่นอนว่าต้องมีเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่พร้อมจะปฏิวัติวงการนี้ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้สถาปนิกทำงานได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น และนำไปสู่การอยู่อาศัยที่ยั่งยืน

Article

ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ ด้วยวัสดุ ‘อลูมิเนียมเจาะรู’

หากต้องการสร้างความแตกต่าง และโดดเด่นยิ่งกว่าเดิม ก็ต้องเป็นลักษณะของการเจาะรูหรือฉลุลวดลาย ลงบนผิวของแผ่นอลูมิเนียม ด้วยรูปแบบของ Aluminium Solid Perforated

Article

‘ถ่อมตนแต่มีบุคลิกที่ชัดเจน’ กับก้าวต่อไปของวัสดุในงานสถาปัตยกรรม

เทรนด์การเลือกใช้วัสดุสำหรับงานออกแบบนั้น จะต้องสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งาน ที่เน้นการสร้างพื้นที่ส่วนบุคคลที่มีบุคลิกชัดเจน แต่ก็ต้องมีพื้นที่สำหรับความรู้สึกเชื่อมโยง และกลับสู่ความเป็นชุมชนอีกครั้ง