ยกระดับการออกแบบ ด้วยความหลากหลายของ ‘Aluminium Honeycomb Panel’

เมื่อรูปด้านของอาคาร ทำหน้าที่เป็นมากกว่าเกราะป้องกันที่สวยงามและโดดเด่น แต่ต้องแสดงออกถึงแนวคิดในการออกแบบ นวัตกรรม และการใช้งานที่เหมาะสมกับรูปแบบของอาคาร ทำให้การเลือกใช้งานวัสดุสำหรับห่อหุ้มอาคาร ต้องมีความทนทานแข็งแรง ยืดหยุ่นได้ในเรื่องความสวยงาม และต้องกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมความยั่งยืน ทำให้วัสดุอลูมิเนียมกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับสถาปนิกและเจ้าของโครงการ ในการเป็นวัสดุอเนกประสงค์ที่สื่อสารความเป็นเอกลักษณ์ของอาคารได้หลากหลายสไตล์ ทั้งความทันสมัย คลาสสิค ล้ำสมัย หรือแนวคิดแบบใกล้ชิดธรรมชาติ

ด้วยความยืดหยุ่นของวัสดุอลูมิเนียม ทำให้สามารถปรับพื้นผิวให้มีความหลากหลายได้ ตั้งแต่ผิวมัน ผิวด้านไปจนถึงผิวโลหะ ทำให้มีอิสระในการสร้างสรรค์ผิวอาคาร เพิ่มมุมมองที่สดใหม่ให้กับภูมิทัศน์ของเมือง และด้วยน้ำหนักที่เบา ทำให้สามารถลดน้ำหนักของโครงสร้างโดยรวมของอาคาร ช่วยให้การก่อสร้างมีประสิทธิภาพและสะดวกมากขึ้น และยังมีความทนทานต่อการกัดกร่อน ทำหน้าที่เป็นฉนวนที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิภายใน ลดการใช้พลังงานที่เกินจำเป็น สร้างความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สู่แนวทางการออกแบบที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญของสถาปัตยกรรมในสมัยใหม่

ถ้าหากอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ทุกคนอาจจะกำลังนึกถึงวัสดุ Aluminium Composite Panel หรือ ACP ซึ่งเป็นที่คุ้นเคยสำหรับสถาปนิก ในการเป็นวัสดุยอดนิยมสำหรับการออกแบบเป็นผิวอาคาร ที่ตอบรับกับรูปทรงในการออกแบบได้ทุกรูปแบบ แต่ถ้าหากอยาก ‘ยกระดับ’ การออกแบบให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ในบทความนี้เรากำลังพูดถึง วัสดุ Aluminium Honeycomb Panel หรือ AHP

ทำไม AHP จึงเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

ด้วยคุณสมบัติของวัสดุ Aluminium Honeycomb Panel หรือ AHP ที่เป็นแผ่นอลูมิเนียมประกบแบบแซนวิช โดยมีโครงสร้างแกนกลางเป็นรังผึ้ง ซึ่งทำให้มีน้ำหนักเบากว่าวัสดุอื่นๆ ในขนาดที่เท่ากัน สามารถออกแบบตัวแผ่นให้มีขนาดใหญ่ โดยไร้ปัญหาเรื่องการโก่งงอของแผ่น ทำให้สามารถรักษารูปทรงที่สวยงาม และความสมบูรณ์ของโครงสร้างภายใต้สภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดี ช่วยยืดอายุของผิวอาคาร ซึ่งโครงสร้างแบบรังผึ้งยังช่วยสร้างระบบของฉนวนแบบธรรมชาติ สำหรับช่วยป้องกันการส่งผ่านของความร้อนและเสียง ช่วยควบคุมอุณหภูมิและเพิ่มประสิทธิภาพของการสื่อสารของพื้นที่ภายในอาคาร ส่งผลให้ในปัจจุบัน วัสดุ AHP ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับสากลสำหรับงานออกแบบสถาปัตยกรรม

ตัวอย่างหนึ่ง ของประเทศที่นิยมใช้งานวัสดุ AHP ในการออกแบบเป็นวัสดุผิวอาคาร ก็คือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ๆ อย่างดูไบและอาบูดาบี ซึ่งมีการพัฒนาเมืองอย่างรวดเร็ว ด้วยการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นนวัตกรรมและมีประสิทธิภาพสูง ด้วยรูปลักษณ์สถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ซึ่งน้ำหนักที่เบาลงของ AHP ช่วยอำนวยความสะดวกในการก่อสร้างที่สลับซับซ้อน รวมถึงความทนทานต่อสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงจากอุณหภูมิที่สูงและลมแรง

ซึ่งตัวอย่างหนึ่งในการท้าทายการก่อสร้างยุคใหม่ ก็คือ อาคาร Burj Khalifa ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก ในปัจจุบันก็มีการใช้วัสดุ AHP เป็นวัสดุปิดผิวภายนอก นั้นแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในคุณสมบัติของวัสดุ ในการข้ามขีดจำกัดของสถาปัตยกรรม หรืออย่างในสหรัฐอเมริกา ก็มีการใช้งาน AHP กับอาคารพาณิชย์ และอาคารพักอาศัย ในเยอรมนีซึ่งเป็นที่ยอมรับในคุณภาพของวัสดุต่างๆ มีอาคารที่ออกแบบภายใต้แนวคิดของความยั่งยืน สวยงาม และประหยัดพลังงาน รวมถึงในประเทศจีน ที่มีการเติบโตในด้านเทคโนโลยีการก่อสร้างอย่างรวดเร็ว ก็ได้นำวัสดุ AHP มาก่อสร้างเป็นตึกระฟ้า และโครงสร้างสมัยใหม่ที่ออกแบบไว้อย่างโดดเด่น

Burj Khalifa | The World’s Tallest Building

การประยุกต์ใช้ AHP ในงานออกแบบที่หลากหลาย

แม้ว่าเทคโนโลยีภาพสามมิติ ในด้านการออกแบบงานสถาปัตยกรรมจะล้ำหน้าไปไกล (แบบแทบจะไม่มีข้อจำกัด) ทำให้การสร้างสรรค์รูปทรงที่ล้ำสมัย เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับสถาปนิกในยุคนี้ แต่ข้อจำกัดสำหรับงานก่อสร้างและการใช้วัสดุนั้นยังคงมีอยู่ และเป็นบทบาทสำคัญในการกำหนดรูปแบบและหน้าที่ของโครงสร้างในงานสถาปัตยกรรม ความยืดหยุ่นของวัสดุ AHP ซึ่งเป็นอลูมิเนียมคุณภาพสูง จึงถูกนำไปใช้ในองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมต่างๆ และกำลังเดินหน้าขับเคลื่อน ในการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ของเมืองและการก่อสร้างในสมัยใหม่

ซึ่งรูปแบบหนึ่งที่ยังคงได้รับความนิยม และเป็นประโยชน์ต่อการใช้งานภายในอาคาร ก็คือการออกแบบในลักษณะ Double Skin Façade ที่ต้องพึ่งพาคุณสมบัติของวัสดุห่อหุ้ม (Cladding) ซึ่งถือเป็นหน้าตาของอาคารในมุมมองของความสวยงาม และยังต้องมีความทนทานต่อสภาพอากาศ เสมือนเป็นผืนผ้าใบที่ห่อหุ้มอาคารไว้ภายใต้แนวคิดของความสร้างสรรค์ ด้วยน้ำหนักที่เบากว่าของวัสดุ AHP ทำให้สามารถออกแบบรูปทรงที่มีความทันสมัยและซับซ้อนได้ดี สามารถดัดโค้งด้วยพื้นผิวและสีที่หลากหลาย หรือการสร้างจุดสนใจทางสายตาให้กับส่วนหน้าของอาคาร ด้วยโครงสร้างแบบครีบขนาดใหญ่ (Mega Fin Structure) ซึ่งนอกจากความสวยงามของครีบอลูมิเนียมแล้ว การจังวางครีบในตำแหน่งที่เหมาะสม ยังสามารถช่วยบดบังและควบคุมปริมาณแสงแดดที่เข้าสู่พื้นที่ภายในอาคารได้ เพื่อลดการใช้พลังงานภายในอาคาร เป็นการออกแบบอาคารที่ยั่งยืนและประหยัดพลังงานได้มากขึ้น

Mega Fin Structure
Mega Fin Structure

หรือรูปแบบของเปลือกอาคาร ที่ใช้การเชื่อมต่อกันด้วยเส้นสายแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (Link Form Façade) ช่วยกระตุ้นลักษณะของการเคลื่อนไหว และสร้างจุดดึงดูดทางสายตาได้ดี ซึ่งต้องใช้เทคนิคการก่อสร้างและวัสดุที่เหมาะสมกับสัดส่วนของอาคาร ชิ้นส่วนของ AHP ที่เชื่อมต่อกันช่วยกระจายน้ำหนักของผิวอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้โครงสร้างมีความยืดหยุ่นต่อแรงกระทำจากภายนอก ซึ่งส่งผลไปถึงการก่อสร้างที่เน้นเป็นแบบโมดูลาร์ เพื่อให้ชิ้นส่วนประกอบเข้าด้วยกันอย่างแม่นยำ ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เป็นทางเลือกที่เป็นประโยชน์สำหรับโครงการที่มีระยะเวลาจำกัด

หรือการนำวัสดุ AHP ไปใช้เป็นลักษณะของกันสาดด้านหน้าอาคาร (Cantilever Canopy) หรือทางเดินเชื่อมต่อระหว่างอาคาร (Free-Form Coverd Walk Way) ที่สามารถออกแบบแผ่นได้ใหญ่กว่าและช่วยลดทอนโครงสร้างได้ดีกว่า ความสมดุลระหว่างความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งานภายนอกอาคาร สามารถออกแบบเป็นรูปทรงที่ตอบรับกับมุมมองของการใช้งาน ช่วยลดต้นทุนโดยรวมในการบำรุงรักษา และรับประกันรูปลักษณ์ที่สวยงามได้อยู่เสมอ

Link Form Facade
Cantilever Canopy

วัสดุ AHP ที่ผลิตในประเทศไทย

แนวโน้มในการอออกแบบโดยใช้วัสดุ AHP ยังคงมีการเติบโตมากขึ้น ตามการพัฒนาของเทคโนโลยีในการก่อสร้าง และแนวคิดของการเลือกใช้งานวัสดุที่มีความยั่งยืน ซึ่งทาง FAMELINE มีกระบวนการผลิตแผ่น AHP ที่ได้มาตรฐาน และได้ร้บการรับรองว่าเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย (Made in Thailand: MiT) โดยผ่านมาตรฐานการตรวจสอบคุณภาพของวัสดุทุกครั้งก่อนนำไปใช้งานจริง มีความหนาของแผ่นให้เลือกใช้งานตั้งแต่ 6-50 มิลลิเมตร และยาวสูงสุดได้ถึง 6 เมตร

ผ่านการรับรองมาตรฐานยุโรป EN 13501-1 มีคุณสมบัติไม่ติดไฟ (Non-combustible) ในระดับ Class A2 ที่มีการคายความร้อน ในอุณหภูมิการเผาไหม้ที่ต่ำกว่า และไฟจะดับทันทีหากไฟต้นเพลิงหมด มีความทนทานต่อการกัดกร่อนและทนต่อความชื้น มีระบบเคลือบสี PVDF ที่ได้การรับรองมาตรฐาน AAMA (American Architectural Manufacturers Association) จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยผิววัสดุมีความทนทานต่อสภาพอากาศ สภาวะกรด-ด่าง และมลภาวะต่างๆ มีการรับประกันคุณภาพสีนาน 10 – 20 ปี (ขึ้นอยู่กับเฉดสีที่เลือกใช้) เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานกับอาคารขนาดใหญ่และอาคารสูงที่ต้องมีมาตรฐาน ยกระดับในด้านการออกแบบที่สื่อสารถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน


บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

‘Carbon Footprint Organization’ กับการขับเคลื่อนสู่ ‘Corporate Sustainability’
ARTICLE
‘Carbon Footprint Organization’ กับการขับเคลื่อนสู่ ‘Corporate Sustainability’

‘Corporate Sustainability หรือความยั่งยืนในระดับองค์กร คือแนวคิดในการดำเนินธุรกิจให้ยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งหนึ่งในแนวทางที่สำคัญก็คือการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด (Carbon Footprint)

‘Aluminium Honeycomb Panel’ ออกแบบ ติดตั้ง รื้อถอน วัสดุทันสมัยที่ใส่ใจโลกในทุกขั้นตอน
ARTICLE
‘Aluminium Honeycomb Panel’ ออกแบบ ติดตั้ง รื้อถอน วัสดุทันสมัยที่ใส่ใจโลกในทุกขั้นตอน

เมื่อเรากำลังก้าวไปสู่ ‘ภาวะโลกเดือด’ (Global Boiling) ทำให้อุตสาหกรรมการก่อสร้าง ต้องใส่ใจในการเลือกใช้งานวัสดุ ที่สัมพันธ์กับวงจรชีวิตของอาคาร (Building Life Cycle) หรือก็คือแนวคิดที่ใช้วิเคราะห์ผลกระทบและต้นทุน ที่เกี่ยวข้องกับอาคารในตลอดช่วงเวลาการใช้งาน

nterior view of a room featuring FAMELINE’s sound-absorbing ceiling panels designed to reduce indoor noise pollution. The ceiling displays a sleek grid pattern with integrated lighting, highlighting its role in enhancing acoustics and creating a quieter, more comfortable environment in modern architectural spaces.
ARTICLE
‘ฝ้าดูดซับเสียง’ ตัวช่วยสำคัญในการลดมลภาวะทางเสียงภายในอาคาร

เมื่อเราต้องสัมผัสกับปัญหามลภาวะทางเสียงภายในอาคารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับปัญหาการเกิด ‘เสียงสะท้อน’ กับพื้นที่ภายในอาคาร ที่เกิดขึ้นจากเสียงภายในห้องที่เดินทางไปกระทบกับพื้นผิวต่างๆ

Modern interior view of a building featuring FAMELINE's PV Glass installed on the roof, allowing natural light to enter while generating clean energy. The design showcases large glass facades, sleek staircases, and open spaces, illustrating the sustainable and innovative application of photovoltaic glass in architectural design.
ARTICLE
‘FAMELINE PV Glass’ พลังงานสะอาดเพื่อสถาปัตยกรรมที่ยั่งยืน

การผลิตไฟฟ้าโดยทั่วไปต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานที่เป็นเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก ทั้งภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดเป็นแนวคิดของการใช้แหล่งพลังงานสะอาด

‘Special Project Team’ คู่คิดนักออกแบบ เพื่อเติมเต็มทุกความต้องการ
ARTICLE
‘Special Project Team’ คู่คิดนักออกแบบ เพื่อเติมเต็มทุกความต้องการ

แนวคิดของการออกแบบผิวอาคาร ย่อมแตกต่างกันไปตามจินตนาการของนักออกแบบ ที่สามารถข้ามขีดจำกัดของนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างไปได้อยู่เสมอ ซึ่งตรงกันกับ Brand DNA ของ FAMELINE ในด้าน ‘Flexible for the Needs’ ทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์และบริการ

3 รูปแบบจากวัสดุ ‘Aluminium Honeycomb Panel’ ที่ช่วยยกระดับการออกแบบผิวอาคาร
ARTICLE
3 รูปแบบจากวัสดุ ‘Aluminium Honeycomb Panel’ ที่ช่วยยกระดับการออกแบบผิวอาคาร

การยกระดับของอาคารให้สูงขึ้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแนวคิดที่สวยงาม และการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการก่อสร้างเท่านั้น แต่แนวคิดในการเพิ่มประสิทธิภาพของอาคาร ผ่านความสะดวกสบายของผู้ใช้งานเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ต้องแสดงออกผ่านองค์ประกอบในการตกแต่งผิวอาคารได้ด้วย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า