‘Mega+ Ceiling’ แผ่นฝ้าขนาดใหญ่ เพื่อการออกแบบภายในอาคารที่ยั่งยืน
‘การออกแบบภายในที่ยั่งยืน’ เป็นแนวทางในการออกแบบพื้นที่ภายในอาคาร ที่ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร และเพื่อสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยหรือผู้ใช้งานอาคาร ซึ่งประกอบด้วยหลักการและแนวปฏิบัติที่หลากหลาย แต่ก็มีจุดหมายเดียวกัน คือการลดผลกระทบของการออกแบบตกแต่งภายในที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างพื้นที่ที่ตอบโจทย์ในด้านการใช้งาน และมีความสวยงามตามแนวคิดในการออกแบบ ซึ่งวัสดุสำหรับการตกแต่งภายในนั้น จะมีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ใช้งานภายในอาคาร ทั้งจากการถูกใช้งาน การมองเห็น การสัมผัส หรือผลกระทบทางอ้อมอย่างการได้ยินและการได้กลิ่น ซึ่งล้วนส่งผลต่อสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดี รวมไปถึงประสิทธิภาพของการใช้พลังงาน คุณภาพอากาศภายในอาคาร และการลดของเสียจากกระบวนการผลิตและติดตั้ง ซึ่งเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของการเลือกใช้วัสดุสำหรับสถาปนิกในยุคนี้
คุณสมบัติของวัสดุ สำหรับงานออกแบบภายในที่ยั่งยืน
วัสดุสำหรับงานออกแบบภายในที่ยั่งยืน ต้องมีคุณสมบัติของความเป็นวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือต้องเป็นวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้แบบ 100% ทำให้ลดจำนวนวัสดุเหลือใช้ ลดการสูญเสียทรัพยากร ลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมจากขั้นตอนการผลิตใหม่ ซึ่งแนวคิดของวัสดุที่ยั่งยืนก็ต้องนำมาใช้ร่วมกับแนวคิดในการออกแบบภายในที่ยั่งยืน
ตัวอย่างเช่น การออกแบบด้วยพื้นที่ที่โปร่งโล่ง เพื่อส่งเสริมเรื่องการไหลเวียนของอากาศที่ดี ทำให้เกิดสัดส่วนพื้นที่ที่ทำให้รู้สึกสบาย และสร้างความรู้สึกดึงดูดทางสายตาได้มากขึ้น โดยเฉพาะกับพื้นที่ของฝ้าเพดานที่สูงกว่าปกติ ช่วยสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ สร้างความผ่อนคลาย และความรู้สึกปลดปล่อยอย่างอิสระ นำมาออกแบบร่วมกับการช่องเปิดขนาดใหญ่ เพื่อดึงแสงธรรมชาติเข้ามาใช้งานภายใน ก็เป็นการช่วยประหยัดพลังงานเชิงกล และสร้างสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ยิ่งขึ้นจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งเรามักพบเห็นการออกแบบลักษณะนี้ในพื้นที่โถงขนาดใหญ่ หรือพื้นที่ Double Space ของอาคารผู้โดยสารสนามบิน สถานีรถไฟ พิพิธภัณฑ์หรือหอศิลป์ พื้นที่ในส่วนล็อบบี้ของโรงแรม คอนโดมิเนียม หรืออาคารสำนักงาน
การเลือกใช้วัสดุที่มีสัดส่วน ที่เหมาะสมกับพื้นที่ขนาดใหญ่
โดยการออกแบบพื้นที่ขนาดใหญ่ ต้องมีการเลือกใช้วัสดุที่มีสัดส่วนที่เหมาะสม ซึ่งอาจมีข้อจำกัดเรื่องน้ำหนักของวัสดุที่มากกว่าปกติ การติดตั้งที่ต้องใช้ระยะเวลานาน หรือมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ซึ่งการเลือกใช้วัสดุที่ตอบโจทย์และลดข้อจำกัดต่างๆ ได้นั้น สถาปนิกสามารถเลือกใช้วัสดุ Mega+ Ceiling จาก FAMELINE ที่เป็นวัสดุฝ้าอลูมิเนียมคุณภาพสูง มีลักษณะโครงสร้างของแผ่นเป็นแบบรังผึ้ง (Aluminium Honeycomb Core) ทำให้มีความเรียบเนียนเสมอกันตลอดทั้งแผ่นแบบไม่แอ่นตัว ซึ่งเบากว่าวัสดุอื่นเมื่อเทียบในขนาดที่เท่ากัน ทำให้ลดภาระของโครงสร้างหลักได้ดี มีความแข็งแกร่งจากวัสดุอลูมิเนียมทั้งผืน
การเลือกใช้วัสดุ Mega+ Ceiling ในการตกแต่งฝ้าเพดานที่ไม่เพียงแค่เป็นการสร้างความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของการออกแบบภายในอาคารที่ยั่งยืนด้วย ด้วยคุณสมบัติที่เรียบเนียน ทนทานต่อสภาพอากาศ และน้ำหนักที่เบา อีกทั้งยังช่วยลดภาระของโครงสร้าง และยังประหยัดพลังงานด้วยการสะท้อนความร้อนได้ดี เหมาะสำหรับการออกแบบที่มีข้อจำกัดเรื่องน้ำหนักและต้องการความยืดหยุ่นสูงในการตกแต่ง การใช้ฝ้าอลูมิเนียมแผ่นใหญ่ยังสามารถเพิ่มความรู้สึกของพื้นที่โล่งโปร่งและเสริมสร้างความสวยงามให้กับพื้นที่ภายในด้วยการลดรอยต่อ ทำให้พื้นที่ดูเรียบเนียนและกว้างขวาง นอกจากนี้ด้วยความเป็นวัสดุรีไซเคิล 100% ยังสนับสนุนการออกแบบที่ยั่งยืน โดยลดการใช้ทรัพยากรและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
การเลือกใช้ฝ้าอลูมิเนียมแผ่นใหญ่ในการตกแต่งฝ้าเพดานภายในอาคาร จึงเป็นการเลือกที่สมบูรณ์แบบที่เสริมสร้างความสวยงาม ความทนทาน และการประหยัดพลังงาน รวมถึงการสนับสนุนแนวคิดการออกแบบที่ยั่งยืน วัสดุนี้ไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ด้านความสวยงามและฟังก์ชั่นการใช้งานเท่านั้น แต่ยังช่วยในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่ดีสำหรับผู้อยู่อาศัย และเป็นส่วนหนึ่งของการก่อสร้างที่ยั่งยืนและรับผิดชอบต่อโลกของเรา
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง