‘Aluminium Honeycomb Panel’ วัสดุสำหรับการออกแบบพิเศษ ที่กำหนดความเป็นตัวตนได้มากกว่า
การเปลี่ยนแปลงในโลกของสถาปัตยกรรมยุคใหม่ มุ่งเน้นไปที่การบูรณาการเทคโนโลยีและนวัตกรรม ให้ผสมผสานกับรูปทรงที่แปลกใหม่ ตามการปรับตัวของสังคมและวัฒนธรรม รวมถึงปัจจัยทางด้านสภาพภูมิอากาศ มลภาวะ ทรัพยากร แรงงาน และรูปแบบของการก่อสร้าง ซึ่งเป็นความท้าทายของสถาปนิกที่จะต้องมองหาทางเลือกใหม่ๆ ที่ทำให้การออกแบบมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัว ตามค่านิยมที่ต้องการความเป็นปัจเจกและส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นความต้องการของเจ้าของโครงการเอง ทำให้การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ตอบโจทย์ ต้องสามารถรองรับการออกแบบด้วยรูปทรงแบบพิเศษ (Special Design) ที่แตกต่างไปจากแนวทางการออกแบบเดิม หรือ การออกแบบที่กำหนดได้เอง (Customized Design) เพื่อข้ามขีดจำกัดของการออกแบบ และตอบสนองต่อจินตนาการได้มากยิ่งขึ้น
ซึ่งวัสดุที่สามารถตอบสนองต่อคุณลักษณะที่กล่าวมาทั้งสองข้อ ก็ต้องเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติพิเศษ และมีความยืดหยุ่นต่อการใช้งานได้มากกว่า อย่างวัสดุ Aluminium Honeycomb Panel จาก FAMELINE ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในกลุ่มของแผ่นอลูมิเนียมแบบประกบ (Aluminum Composite) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมและมีการใช้งานมากขึ้นในระดับสากล จากต้นแบบของวัสดุอลูมิเนียมที่ถูกใช้งานในอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่างอุตสาหกรรมอวกาศ อุตสาหกรรมยานยนต์ จนมาถึงการเป็นวัสดุก่อสร้าง ด้วยการเสริมวัสดุอลูมิเนียมซึ่งเป็นแกนกลางแบบโครงสร้างรังผึ้ง (Honeybomb)
น้ำหนักเบาและปลอดภัยเป็นพิเศษ
โครงสร้างแบบรังผึ้งได้รับแรงบันดาลใจ จากรังผึ้งหกเหลี่ยมตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นรูปทรงทางเรขาคณิตที่แข็งแกร่ง จากการกระจายน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอในหลายทิศทาง ทำให้ทนต่อการโค้งงอ แรงบิด และแรงอัด สามารถดูดซับพลังงานและกระจายแรงกระแทกได้ดี ความยืดหยุ่นโดยธรรมชาติของโครงสร้างรังผึ้ง ช่วยให้สามารถขึ้นรูปได้ง่ายและคงรูป ทำให้มีความทนทานในระยะยาว ส่งผลให้โครงสร้างมีความแข็งแรงสม่ำเสมอทั่วทั้งแผ่น เมื่อเทียบกับน้ำหนักที่ลดน้อยลง ทำให้เหมาะสมกับการนำมาออกแบบเป็นลักษณะแผ่นอลูมิเนียมขนาดใหญ่พิเศษ ที่ช่วยลดรอยต่อระหว่างแผ่น ทำให้มุมมองของพื้นที่ใช้งานดูเปิดกว้าง เหมาะสมกับสัดส่วนของอาคารขนาดใหญ่พิเศษ ทั้งการใช้งานปิดผิวบริเวณเปลือกอาคาร (Façade) ครีบอาคาร (Wide Fin Façade) ที่ยาวสูงสุดได้ถึง 6 เมตร (หรือมากกว่านั้น ในลักษณะการออกแบบพิเศษ) หรือการเลือกตกแต่งเป็นฝ้าเพดานสำหรับบริเวณโถงอาคารขนาดใหญ่
ซึ่งหากลองเทียบกับน้ำหนักของวัสดุก่อสร้างอื่นๆ ที่ใช้งานในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน (ขึ้นอยู่กับความหนาของวัสดุ ความหนาแน่น ประเภท และวัสดุที่นำมาผสม) อย่างคอนกรีตจะมีน้ำหนักประมาณ 240 กิโลกรัมต่อตารางเมตร เหล็กจะมีน้ำหนักประมาณ 78.5 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ไม้จะมีน้ำหนักประมาณ 12.5 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ส่วนแผ่น Aluminium Honeycomb Panel (หรือ AHP) จะมีน้ำหนักประมาณ 4-5 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ซึ่งจากน้ำหนักที่เบาลงแต่ยังคงแข็งแกร่ง ทำให้วัสดุประเภทนี้ถูกนำไปใช้งานในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ ยานยนต์ การเดินเรือ ทำให้ต้องมั่นใจเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัยเป็นอย่างมาก ซึ่งก็สอดคล้องกับแนวทางของการออกแบบอาคารสูงและอาคารสาธารณะขนาดใหญ่ ที่ต้องคำนึงถึงผู้ใช้งานจำนวนมากในแต่ละวัน
นั่นก็คือมาตรฐานด้านการป้องกันอัคคีไฟ ซึ่งวัสดุ AHP จาก FAMELINE ผ่านการรับรองมาตรฐานยุโรป EN 13501-1 มีคุณสมบัติกันไฟลาม (Fire Rating) ในระดับ Class A2 ที่จะมีการคายพลังงานความร้อน ในอุณหภูมิการเผาไหม้ที่ต่ำกว่า และไฟจะดับทันทีหากไฟต้นเพลิงหมด ซึ่งโดยทั่วไปแล้ววัสดุ AHP จะมีการประกบด้วยแกนรังผึ้งที่ทำจากอลูมิเนียมด้วยเช่นกัน ซึ่งก็เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติไม่ติดไฟ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ที่มีการบังคับใช้กฎระเบียบด้านความปลอดภัยจากอัคคีภัยอย่างเข้มงวด ทั้งกับอาคารสูงระฟ้า คอนโด โรงแรม สนามบิน สถานีรถไฟ หรือสนามกีฬา
ซึ่งในปัจจุบันจะพบเห็นอาคารที่ห่อหุ้มด้วยวัสดุ AHP ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากสถาปนิกระดับโลก ด้วยรูปทรงในการออกแบบที่แปลกใหม่ ตัวอย่างเช่น Beijing Daxing International Airport หรือสนามบินรูปปลาดาวในประเทศจีน ที่ออกแบบโดย Zaha Hadid Architects สตูดิโอออกแบบที่เน้นรูปทรงสไตล์ Futuristic ที่เน้นความแตกต่างและสดใหม่ด้วยอาคารแบบไร้รูปทรง ก็มีการใช้วัสดุ AHP มาห่อหุ้มบริเวณผิวอาคารในลักษณะการดัดโค้ง ให้เกิดเป็นรูปทรงที่ตอบรับกับแนวคิดของการออกแบบ มีความทนทานต่อสภาพอากาศ และสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับผู้ที่เข้ามาใช้งานภายในอาคารได้อีกด้วย
การติดตั้งแบบพิเศษที่ช่วยลดทรัพยากร
ในบางครั้งการออกแบบในลักษณะที่แตกต่างจากปกติ ต้องใช้ระยะเวลา แรงงานฝีมือ และอุปกรณ์พิเศษสำหรับการติดตั้ง ที่อาจเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายที่เกินจำเป็น รวมถึงอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของวัสดุที่สั้นลง เนื่องจากเป็นการติดตั้งที่อยู่นอกเหนือจากมาตรฐานทั่วไป แต่สำหรับวัสดุ AHP จาก FAMELINE ที่มีความหนาของแผ่นให้เลือกใช้งานตั้งแต่ 6-50 มิลลิเมตร โดยเลือกใช้เป็นแผ่นอลูมเนียมเกรด Series 3000 ที่ตัวแผ่นสามารถรับน้ำหนักต่อแรงกดได้โดยตรง และยังทนต่อแรงลมและแรงปะทะได้ดี ทำให้สามารถเลือกใช้งานได้ตามความซับซ้อนของแนวคิดในการออกแบบ ทั้งด้วยรูปทรง ขนาด สีสัน หรือการติดตั้ง สามารถเลือกใช้ในลักษณะแผ่นตรง หรือดัดโค้งได้ตามความต้องการ โดยที่ไม่เสียรูปทรงหลังการขึ้นรูป
เช่น ออกแบบเป็นแผ่นเรียบขนาดใหญ่แบบรอยต่อน้อย (Mega Panel Cladding) ออกแบบเป็นแผ่นผนังหรือฝ้าที่ทำสีพิเศษให้ขึ้นเงาจนเป็นกระจก (Mirror Aluminium Cladding) ออกแบบเป็นครีบอาคารขนาดใหญ่ (Wide Fin Façade) ออกแบบเป็นฟาซาดทรงเราขาคณิตแบบน้ำหนักเบา (Lightweight geometric Façade Design) หรือออกเป็นหลังคาคลุมทางเชื่อมระหว่างอาคาร (Free-Form Coverd Walk Way)
โดยการติดตั้งของวัสดุ AHP จะใช้เป็นระบบแห้งร่วมกับโครงเหล็กหรือโครงอลูมิเนียม ที่ยึดตัวแผ่นด้วยสกรูตามจุดที่ต้องการรองรับน้ำหนักแผ่น โดยเป็นการออกแบบแผ่นแบบสำเร็จรูปจากโรงงาน ที่สามารถเลือกวิธีการปิดขอบแผ่น ตัด พับขึ้นรูป เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน โดยผ่านการรับรองมาตรฐาน และการตรวจสอบคุณภาพของวัสดุ ซึ่งทุกขั้นตอนในการผลิตเกิดขึ้นในประเทศไทย (Made in Thailand: MiT) โดยทีมงานผู้มีความเชี่ยวชาญและเครื่องจักรที่ทันสมัย เพื่อนำไปประกอบที่หน้างานได้อย่างรวดเร็ว ส่งเสริมแนวคิดของการก่อสร้างแบบ ‘Prefabricated Construction’ หรือการก่อสร้างแบบสำเร็จรูป ที่ทำให้งานก่อสร้างมีความเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้การทำงานตรงตามกำหนดเวลาที่จำกัด และลดระยะเวลาก่อสร้างของโครงการโดยรวม ลดการสิ้นเปลืองวัสดุและต้นทุนแรงงานที่เกี่ยวข้อง และมั่นใจได้ถึงมาตรฐานการผลิตที่มีคุณภาพและสม่ำเสมอ
วัสดุพิเศษต้องส่งเสริมความยั่งยืน
ซึ่งเทรนด์ของการก่อสร้างแบบสำเร็จรูป ยังส่งเสริมเรื่องของความยั่งยืนด้วยการลดการสูญเสียวัสดุ การใช้พลังงาน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากกระบวนการผลิตในหน้างานก่อสร้าง ลดของเสียและการปล่อยก๊าซคาร์บอน ซึ่งการเลือกใช้วัสดุอลูมิเนียมในงานก่อสร้าง ยังช่วยลดทรัพยากรในกระบวนการผลิต จากการเป็นวัสดุที่รีไซเคิลได้แบบ 100% และไม่มีส่วนประกอบของกัมมันตภาพรังสีหรือสารระเหย รวมถึงมีแนวคิดของการออกแบบที่ช่วยประหยัดพลังงาน ผ่านคุณสมบัติของการเป็นฉนวนที่ดีของโครงสร้างรังผึ้ง เนื่องจากพื้นที่อากาศระหว่างแผ่นถูกแบ่งออกเป็นหลายชั้น ทำให้อากาศที่อยู่ตรงช่องว่างทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในรูปแบบการส่งผ่านคลื่นเสียง ช่วยดูดซับเสียง และลดเสียงรบกวนจากภายนอก และในรูปแบบของคลื่นความร้อนที่แผ่เข้ามา ช่วยรักษาอุณหภูมิภายในอาคารให้อยู่สบาย สร้างสุขภาวะที่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยและการทำงาน ช่วยประหยัดพลังงานให้กับอาคาร และส่งเสริมแนวคิดของการก่อสร้างแบบยั่งยืน ซึ่งเป็นตัวตนหนึ่งที่สำคัญ สำหรับการออกแบบสถาปัตยกรรมในยุคใหม่
สรุปบทความ
ประกอบกับเหตุผลทางด้านการเติบโตทางธุรกิจ ที่ต้องได้รับการส่งเสริมจากการออกแบบทางสถาปัตยกรรม ซึ่งเจ้าของโครงการมักคาดหวังในเรื่องการสร้างความแตกต่าง และดึงดูดความสนใจในตลาดได้ ซึ่งบางครั้งการเลือกใช้งานกับวัสดุแบบดั้งเดิม อาจมีข้อจำกัดที่ยังไม่ตอบโจทย์ในด้านการออกแบบ ที่ต้องปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ซึ่งวัสดุ AHP ช่วยให้การทำงานของสถาปนิก สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ผสมผสานไปกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการเลือกรูปทรงที่แตกต่างได้มากขึ้น ทำให้การออกแบบในลักษณะ Special Design หรือ Customized Design นั้น เป็นสิ่งที่ผู้คนกำลังมองหา เพื่อเติมเต็มแนวคิดที่สดใหม่มากกว่า และเป็นตัวตนได้มากกว่านั้นเอง
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง