สัมผัสแห่งความทันสมัยและยั่งยืน ผ่านการใช้วัสดุอลูมิเนียมกับงานออกแบบภายใน
การเลือกวัสดุที่เหมาะสมสำหรับการออกแบบตกแต่งภายใน เป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างสรรค์พื้นที่ให้สวยงามและตอบสนองต่อประโยชน์ใช้สอย ซึ่งประกอบไปด้วยตัวเลือกมากมาย ตั้งแต่วัสดุธรรมชาติไปจนถึงวัสดุสังเคราะห์ ซึ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายและแนวคิดในการออกแบบ ซึ่งปัจจัยในด้านความทนทานมักเป็นตัวเลือกหนึ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะกับพื้นที่ที่มีการใช้งานเป็นประจำ ที่มีแนวโน้มที่จะชำรุดทรุดโทรมได้ง่าย ควบคู่ไปกับจุดประสงค์ในการใช้งาน และความสวยงามแบบไม่ตกยุค ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดโทนสีและบรรยากาศของพื้นที่ ในการสร้างมุมมองที่แปลกใหม่และน่าดึงดูด
อย่างคุณสมบัติที่โดดเด่นของวัสดุ ‘อลูมิเนียม’ ที่มีความสามารถในการผสมผสานความสวยงามเข้ากับการใช้งานจริงได้อย่างง่ายดาย ผ่านพื้นผิวที่เรียบเนียนและความมันวาวของโลหะ ที่ช่วยให้สัมผัสถึงความหรูหราได้ในทุกพื้นที่ และยังมีคุณสมบัติด้านความทนทานต่อการกัดกร่อนและสภาพแวดล้อม ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย โดยเฉพาะกับการออกแบบทางสถาปัตยกรรม ซึ่งคุ้นเคยกับการใช้งานอลูมิเนียมในลักษณะของวัสดุปิดผิวอาคาร ที่เป็นแผ่นขนาดใหญ่ที่ดูทันสมัย หรือการใช้ระแนงอลูมิเนียม สำหรับตกแต่งผนังภายนอกเพื่อบดบังสายตา หรือตกแต่งเป็นกันสาดเพื่อลดความร้อนและแสงแดดบริเวณทางเดิน
ซึ่งการออกแบบพื้นที่ภายใน ทั้งกับอาคารสาธารณะและอาคารอยู่อาศัย ก็มีการนำวัสดุอลูมิเนียมมาใช้งานอย่างหลากหลาย เพราะนอกจากคุณสมบัติด้านควาทนทานแล้ว ความยั่งยืนของวัสดุอลูมิเนียม ที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้แบบ 100% ช่วยลดทรัพยากรในการผลิตใหม่ รวมถึงขั้นตอนติดตั้งที่สะดวกรวดเร็ว ทำให้อลูมิเนียมกลายเป็นวัสดุทางเลือกหนึ่งสำหรับนักออกแบบและเจ้าของโครงการ ที่คำนึงถึงปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งคุ้มค่าต่อการลงทุนในระยะยาว


ตกแต่งได้สวยงามหลากหลาย
การประยุกต์ใช้วัสดุอลูมิเนียมในการตกแต่งพื้นที่ภายใน มักมีเป้าหมายเพื่อสร้างความโดดเด่น ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของวัสดุก่อสร้างแบบดั้งเดิม เช่น การใช้งานวัสดุอลูมิเนียมคอมโพสิต (Aluminium Composite Panel) หรือ ACP มาตกแต่งบริเวณที่ต้องการความสวยงามคงทน ซึ่งตัวแผ่นมีคุณสมบัติในด้านการยืดหยุ่นที่ดี โดยเป็นการนำแผ่นอลูมิเนียมมาประกบกันแบบแซนวิช มีแกนกลางเป็นวัสดุโพลิเอทิลีน (PE) ทำให้สามารถออกแบบตัวแผ่นให้มีขนาดใหญ่พิเศษ บิดเป็นรูปทรงโค้งงอ พับเป็นรูปทรงเหลี่ยม ตัดแต่งให้เป็นรูปแบบเฉพาะ รวมไปถึงฉลุตัวแผ่นให้เป็นรูปภาพหรือข้อความ และยังมีโทนสีให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย ทั้งโทนสีโลหะ โทนสีสันสดใส หรือโทนสีลายไม้ธรรมชาติ ซึ่งเป็นการต่อยอดแนวคิดในการออกแบบให้อิสระได้มากขึ้น
ให้การตกแต่งได้ปลอดภัยกว่า
นอกจากนี้ ด้วยน้ำหนักที่เบากว่าวัสดุอื่นๆ ยังช่วยให้ติดตั้งได้ง่าย ลดต้นทุนแรงงานและระยะเวลาก่อสร้าง เหมาะสมกับงานสร้างใหม่และปรับปรุงต่อเติม เหมาะสมกับการใช้งานกับร้านค้าในห้างสรรพสินค้า ตกแต่งในอาคารสำนักงาน พิพิธภัณฑ์ สถานีรถไฟ สถาบันการศึกษา หรือสนามบิน ซึ่งวัสดุ ACP จากแบรนด์ FAMELINE มีมาตรฐานความปลอดภัยจากอัคคีภัย ในระดับคลาส A2 ที่เป็นมาตรฐานการทนไฟสำหรับวัสดุก่อสร้าง ที่มีคุณสมบัติที่จำกัดการลุกลามของไฟ ลดความสามารถในการติดไฟและการแพร่กระจายของเปลวไฟ ซึ่งต้องถูกพิจารณาร่วมกับส่วนประกอบแผง ที่ใช้ไส้กลางเป็นโพลีเอทิลีนที่ทนไฟได้ดี (FR) มีกระบวนการติดตั้งที่ได้มาตรฐาน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้อาคารในระดับสากล และเพิ่มน่าเชื่อถือให้กับผู้ใช้งานในอาคารสาธารณะได้อีกด้วย


สื่อสารบรรยากาศผ่านการออกแบบฝ้าเพดาน
การออกแบบพื้นที่ ‘ฝ้าเพดาน’ เป็นการเพิ่มเติมรายละเอียดที่สมบูรณ์ให้กับแนวคิดในการออกแบบ และตอบโจทย์ในด้านการใช้งาน ที่ส่งผลไปถึงสุขภาวะที่ดีของผู้ใช้งานในอาคารด้วย ซึ่งรูปแบบที่มีให้เลือกหลากหลายของฝ้าอลูมิเนียมจาก FAMELINE ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ในการออกแบบพื้นที่ส่วนนี้ให้มีความโดดเด่น และสื่อสารไปถึงบรรยากาศที่แตกต่างกันไป
ตัวอย่างเช่น ฝ้าอลูมิเนียมแบบแผ่น (Tile & Plank Ceiling) ที่เป็นฝ้าแผ่นเรียบ และแผ่นแบบเจาะรู เหมาะสมกับใช้งานเป็นฝ้าภายในบริเวณที่มีงานระบบอยู่เหนือฝ้าด้านบน เพื่อให้เปิดแผ่นฝ้าขึ้นไปซ่อมบำรุงงานระบบด้านบนได้ หรือหากต้องการเพิ่มคุณภาพทางด้านเสียงที่ดีขึ้นในพื้นที่ภายในอาคารสำนักงาน ห้องสัมมนา ห้องประชุม ห้องเรียน หรือโถงทางเข้าหลัก ก็ต้องใช้การตกแต่งภายในอาคารด้วยวัสดุอะคูสติก อย่าง Acoustic Ceiling หรือฝ้าอลูมิเนียมแผ่นสี่เหลี่ยมแบบเจาะรู (Perforated) ที่มาพร้อมกับแผ่น Acoustic Sheet สามารถดูดซับเสียงได้สูงสุดถึง 80% (มีค่า NRC สูงสุดอยู่ที่ 0.8) ช่วยลดผลกระทบจากเสียงรบกวนของพื้นที่ภายใน เพิ่มประสิทธิภาพด้านความแม่นยำในการทำงานให้มากขึ้น และนำไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของผู้ใช้งานในอาคารได้ด้วย


สรุปบทความ
ซึ่งประโยชน์ของอลูมิเนียมในการออกแบบภายใน อาจไม่ใช่เพียงความเหมาะสมด้านการใช้งานเท่านั้น แต่หมายถึงรูปแบบที่อยู่เหนือกาลเวลา ที่ช่วยยกระดับของพื้นที่ภายในให้มีความอเนกประสงค์มากขึ้น ช่วยให้สถาปนิกสามารถสร้างสรรค์พื้นที่ที่ทันสมัย โดยเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าจากอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งผ่านการรับรองคุณภาพในระดับสากล และถูกใช้งานกับสถาปัตยกรรมระดับโลกมากมาย และที่สำคัญคือการเป็นวัสดุที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของความยั่งยืน ที่อุตสาหกรรมการออกแบบก่อสร้างต้องมีส่วนสำคัญในการรับผิดชอบต่อสังคม ตั้งแต่องค์ประกอบของเฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็ก ไปจนถึงผนังตกแต่งขนาดใหญ่ ที่แสดงออกในอีกทางว่าวัสดุอลูมิเนียมนั้นปรับตัวเองได้อย่างไร้ขอบเขต และรองรับการออกแบบแห่งนวัตกรรม ที่นำไปสู่แรงบันดาลใจใหม่ๆ จากเนื้อแท้ของความยั่งยืนได้อยู่เสมอ
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง